ความร้อนที่ผิวถนนมีผลทำให้ยางระเบิดน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถยนต์นั่งทั่วไปที่ไม่ได้มีการบรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนัก หรือจะบอกว่า ความร้อนที่มีผิวถนนมีผลกระทบต่อยางอย่างน้อยกว่าน้ำหนักบรรทุกและความเร็วสูงๆที่ใช้ ก็คงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
เพราะในขณะที่รถยนต์วิ่งไปตลอดเวลาในระดับความเร็วปกตินั้น กระแสลมที่พัดเข้ามาปะทะกับยาง จะเป็นตัวช่วยระบายความร้อนที่เกิดขึ้นกับยางได้มากทีเดียว
ความร้อนของผิวถนนที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผิวถนนแบบใดในประเทศไทย จึงไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ยางระเบิดได้
ยกเว้นแต่ความร้อนที่เกิดขึ้นสูงผิดปกติ เช่น เมื่อเกิดพายุลมร้อน หรือความร้อนที่เกิดขึ้นตามประเทศแถบเส้นศูนย์สูตร หรือเมื่อขับรถไปจนยางร้อนจัด
แล้วต้องไปเจอกับอุณหภูมิของอากาศที่เปลี่ยนแปลงกระทันหัน เช่น เจอฝนตก อย่างนี้ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดยางระเบิดได้เหมือนกัน
วิธีการที่ดีเพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการจอดรถบนพื้นผิวที่ร้อนจัดมากๆ เป็นเวลานานต่อเนื่อง และเมื่อท่านต้องขับรถยนต์ทางไกลในสภาพที่ร้อนจัด
ก็ควรทำการพักรถเพื่อให้เครื่องยนต์และยางได้คลายความร้อนลงไปบ้าง โดยประมาณไม่ควรเกิน 300 กิโลเมตร ควรพักรถหนึ่งครั้ง
แต่ทั้งนี้ต้องหลีกเลี่ยงการจอดรถบนพื้นถนนที่มีน้ำเปียกถนน เพราะอุณหภูมิที่มีการเปลี่ยนแปลงกะทันหันจะทำให้ยางร่อน , บวม หรือยางระเบิดได้ครับ
Credit : auto2thai.com